วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 25, 2556
หลักสูตรเภสัชศาสตร์ที่มี และไม่มีการบริบาลทางเภสัชกรรมต่อท้าย แตกต่างที่
การเรียนแบบบริบาลทางเภสัชกรรม จะเน้นการพิจารณาการใช้ยาของผู้ป่วยในที่โรงพยาบาล
ส่วนการเรียนที่ไม่มีคำว่าบริบาลฯ จะเน้นการวิจัย พัฒนา ผลิต ควบคุมคุณภาพยาทั้งแผนปัจจุบันและสมุนไพร

มีบางคนได้รับการแนะนำว่า
ถ้าอยากจะเปิดร้านยาหรือเป็นดีเทลยา เลือกเรียนบริบาลฯจะดีกว่า
เกิร์ลผู้ซึ่งอยู่ในวงการนี้ขอแสดงความคิดเห็นว่า "ไม่จริง"
บริบาลฯจะเน้นไปดูที่ผู้ป่วย จึงไม่ได้เหมาะกว่าสำหรับผู้ปรารถนาจะเปิดร้านยาหรือเป็นดีเทลยา



นอกจากนี้...(ในอดีต)การเรียนปี5 ซึ่งมีการทำมินิโปรเจคและฝึกงานเฉพาะที่เพิ่มเติม
(ตอนนี้เปลี่ยนเป็น 6 ปี ก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดที่ชั้นปีใด)
จะมีการแยกไปเรียนวิชาเลือกเป็นเฉพาะสาขาต่างๆ เช่น วิเคราะห์ยา สมุนไพร ผลิตยา คลินิก สังคม เป็นต้น*
การแยกไปในกรณีนี้ ไม่ได้ทำให้ใครได้เปรียบกว่าใคร ทุกคนยังคงเป็นเภสัชกรที่เลือกงานสายใดก็ได้
แตกต่างกันแค่ในช่วงเวลาหนึ่ง คนคนหนึ่งทำมินิโปรเจคและฝึกงานสายงานใดมากกว่าอีกคนหนึ่งก็แค่นั้นเอง

ถ้าถามต่อว่า ไม่ว่าจะเลือกฝึกงานแบบใดก็ไม่แตกต่างกันจริงๆหรือพี่เกิร์ล เกิร์ลขอบอกว่าแตกต่างค่ะ
ถ้าคนสองคนไปสมัครงานที่เดียวกัน ที่โรงพยาบาลที่เป็นตำแหน่งเภสัชกรประจำหอบริบาลผู้ป่วยใน
ผู้เรียนและฝึกงานทางบริบาลฯมา ก็จะมีแต้มต่อเหนือกว่า
ถ้าคนสองคนไปสมัครงานที่เป็นตำแหน่งเภสัชกรวิจัยและพัฒนายา
ผู้เรียนและฝึกงานทางไม่บริบาลฯมา ก็จะมีแต้มต่อเหนือกว่า

(*แต่ละสถาบัน มีการใช้ชื่อเรียกที่แตกต่างกัน และมีความละเอียดในการแยกรูปแบบการฝึกงานต่างกัน
เกิร์ลสรุปจากลักษณะงานเภสัชกร ที่มี 5 ลักษณะคร่าวๆคือ
วิเคราะห์ยา_ คิดค้นพัฒนา วิจัย ควบคุมคุณภาพยา
สมุนไพร_
ผลิตยา_ (และเครื่องสำอาง)
คลินิก_ การใช้ยาของผู้ป่วย
มักเน้นไปที่โรงพยาบาลมากกว่าร้านยา และเน้นที่ผู้ป่วยในหรือผู้ป่วยเฉพาะกลุ่มโรคมากกว่าผู้ป่วยนอก
สังคม_ คุ้มครองผู้บริโภค ร้านยา ดีเทลยา)

และในการแยกขั้นตอนนี้ ผู้ที่มุ่งหวังด้านร้านยาหรือดีเทลยา จะได้ฝึกงานส่วนนี้เพิ่มเติมในการเลือกสายสังคม
บางสถาบันฯ ผู้เลือกด้านบริบาลฯไม่สามารถเลือกฝึกงานด้านสังคมคือร้านยาหรือดีเทลยาได้
แต่จะเป็นการบังคับฝึกงานที่หอบริบาลผู้ป่วยตามโรงพยาบาล
ค่ะ สรุปก็คือ การเลือกเรียนบริบาล คือการเลือกกลายๆว่า จะเลือกฝึกงานในหอบริบาลผู้ป่วย เสียตั้งแต่แรก
ส่วนการเลือกเรียนแบบไม่บริบาลฯ คือการไปเลือกเอาตอนใกล้จบ ว่าจะไปฝึกงานที่ใดเพิ่มเติม


สรุปก็คือ... ถ้าต้องเลือกระหว่างบริบาลกับไม่บริบาลทางเภสัชกรรมตั้งแต่ต้น
ก็พิจารณาจากความต้องการของตัวเอง ว่าอยากจะทำงานในรูปแบบใดบริบาลฯหรือไม่บริบาลฯ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น